เอาแล้วไง!!! "ทนายดัง" ชี้ชัดปม "หนุ่ม" เลือดร้อน "ท้าชกตำรวจ" หลังโดนขับรถปาดหน้า ไม่มีความผิดทางอาญา!!?
จากกรณี มีคลิปวิดีโอ ชายแต่งกายคล้ายตำรวจ กับชายหนุ่มเสื้อดำ ซึ่งกำลังยืนถกเถียงกันบนท้องถนน เกี่ยวกับเรื่องการขับรถ พร้อมเขียนข้อความ ระบุ รถตำรวจขับเปิดไฟไซเรนมาเลนส์ซ้าย ก่อนปาดขวามาเลนส์ชายเสื้อดำ จึงมีการตบไฟใส่ ก่อนจะหักเข้าหา และเปิดกระจกถามว่า มีปัญหาหรอ ชายเสื้อดำจึงลงจากรถและลงไปยืนถกเถียงกับตำรวจรายดังกล่าว
โดยภายหลังจากเกิดเหตุการดังกล่าว พบกว่าชายที่อยู่ในคลิปคือ นาย สัญญา เมฆฉาย อายุ 34 ปี ชายเสื้อดำในคลิปวิดีโอ ระบุ เมื่อคืนที่ผ่านมา (18 พ.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. ตนขับรถบนถนนบรมราชชนนี โดยขับเลนขวาสุด เมื่อถึงช่วง หน้าห้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า พบว่า รถตำรวจเปิดไซเรน วิ่งด้านหน้าเลนซ้าย ได้ขับเข้ามาปาดเข้าเลนขวาด้านหน้ารถของตน จนเมื่อถึงแยกอรุณอมรินทร์ รถตำรวจหักเข้ามาหารถของตน ก่อนเปิดกระจกถามว่ามีปัญหาหรือ ? และลงจากรถเพื่อคุยยอมรับรู้สึกโมโห ที่ถามเหมือนจะหาเรื่อง ส่วนเหตุที่บอกให้ถอดเสื้อมาเคลียร์กันนั้น เนื่องจาก ตำรวจรายดังกล่าวคล้ายจะทำอะไรบางอย่าง ตนจึงพูดออกไป และยืนยันว่าไฟของทางเจ้าหน้าที่เป็นไฟ LED บนหลังคารถ
ท่ามกลางกระแสวิพากย์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวว่าใครเป็นคนผิดกันแน่ ล่าสุด เฟซบุ๊ก เกิดผล แก้วเกิด ของทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า...
คำกล่าวและท้าทายตำรวจว่า #แน่จริงมึงถอดเสื้อมาต่อยกับกู เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ ???
มีคำพิพากษาศาลฎีกา พิพากษา ว่า #การท้าตำรวจให้ถอดเสื้อมาต่อยกันเป็นเพียงคำไม่สุภาพและเป็นกริยาที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น #ไม่เป็นดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาฎีกาที่ 4327/2540 การกระทำอันเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 คือ “ดูหมิ่น” ซึ่งหมายถึงการด่า ดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทให้อับอาย ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อ ข. เจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ว่า “#แน่จริงมึงถอดเสื้อมาต่อยกับกูเลย” เป็นการกล่าวท้าทายให้ ข. ออกมาต่อสู้กับจำเลย #เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นที่พอจะให้เข้าใจว่าจำเลยมีความมุ่งหมายที่จะด่า ดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทให้ ข. อับอายแต่อย่างใด #การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136Cr:เกิดผล แก้วเกิด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น